10 ขั้นตอนการเปิดร้านตัดผม

10 เทคนิค เปิดร้านตัดผม ร้านเล็กก็โตได้ถ้าทำเป็น!

ร้านตัดผม กิจการยอดนิยมของคนไทยที่ทำเงินได้ทุกช่วง ซึ่งหากคุณมีทักษะทางนี้หรือมีใจรักที่จะเปิดร้านเสริมสวย บอกเลยว่ามาถูกทางแล้ว!

และวันนี้เราก็มีเกร็ดความรู้และเทคนิคการเปิดร้านตัดผมที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จง่าย ๆ มาฝาก

แต่ก่อนอื่นเลย . . .

ร้านตัดผมคืออะไร?

ร้านตัดผม คือ ร้านแต่งหล่อและเสริมความสวยงาม ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดียิ่งขึ้น ถือเป็นธุรกิจบริการขนาดเล็กที่เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะใช้ต้นทุนในการเปิดไม่สูงมาก แต่ต้องเน้นเรื่องฝีมือและความประณีต  อีกอย่างทางร้านมีรายได้ทุกวันและได้หยิบจับเงินสดอยู่เรื่อย ๆ ร้านเสริมสวยจึงได้รับความนิยมและอยู่คู่ทุกชุมชนมาช้านาน

ธุรกิจร้านตัดผมมีแบบอะไรบ้าง?

ร้านตัดผมมีหลายแบบด้วยกัน เช่น

• บาร์เบอร์ – ร้านตัดผมชาย มีบริการตัดผม, โกนหนวด, สระ, ไดร์, ทำสี, แคะหู, ล้างหู ฯลฯ

• ซาลอน – ร้านตัดผมผู้หญิง มีบริการตัดผม, สระ, ไดร์, ย้อมผม, ยืดผม, ดัดผม, อบไอน้ำ ฯลฯ

เปิดร้านตัดผมแล้วดียังไง???

หากคุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะเปิดร้านตัดผมเล็ก ๆ เป็นของคุณเองดีไหม เพราะค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างทำผมหรือช่างตัดผมดูเหมือนจะแพงเอาการอยู่เหมือนกัน

ในบทความนี้เรามีเหตุผลที่คุณควรเปิดร้านตัดผมมาฝาก ซึ่งก็คือ

• ลงทุนเยอะในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น – ร้านตัดผมคือธุรกิจที่คุณจะใช้งบเยอะในช่วงแรกเท่านั้น แต่ใช้เงินหมุนเวียนค่อนข้างน้อย

• เป็นธุรกิจที่อินเทรนด์ ไม่มีตกยุค – ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นยังไง แต่ใคร ๆ ก็อยากดูดีอยู่เสมอ ดังนั้นแม้จะมีช่วงที่ยอดขายน้อยบ้าง (เช่น ช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา) แต่ร้านก็กลับมาฟื้นตัวได้เร็วแน่นอน

• สบายได้ แค่มีลูกค้าประจำ – รู้ไหมว่ารายได้ส่วนใหญ่ของแทบทุกธุรกิจร้านค้านั้นมาจากลูกค้าประจำ ? ดังนั้นร้านตัดผมก็เช่นเดียวกัน ถ้าคุณมีลูกค้าประจำ รับรองทำเงินและรายได้ให้ร้านได้ตลอดแน่

• เครียดน้อย – ร้านตัดผมถือเป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยมีแรงกดดันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะแรงกดดันทางต้นทุน ยิ่งเมื่อไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่แล้ว ยิ่งสบาย เพียงแต่ต้องคิดในเรื่องของแพ็คเกจหรือโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และรักษาลูกค้าประจำเท่านั้น

• มีช่างดี ต่อทุนได้ – ถ้าที่ร้านมีช่างตัดผมฝีมือเจ๋ง ๆ นี่สามารถเป็นจุดขายของร้านคุณได้เลย เพราะนี่คือต้นทุนที่จะต่อกำไรให้ร้านได้ ยิ่งลูกค้าติดใจฝีมือช่างที่ร้านมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งกลับมาใช้บริการที่ร้านบ่อยเท่านั้น

วิธีเปิดร้านตัดผมให้ประสบความสำเร็จ

1. มีงบในการเปิดร้านตัดผม

สิ่งสำคัญอันดับแรกในการเปิดร้านตัดผมก็คือ ทุน เพราะเมื่อคุณมีช่างทำผม ช่างตัดผม หรือว่าความพร้อมในด้านทักษะแล้ว งบในการเปิดร้านตัดผมคือสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากคุณจะต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 100,000 – 200,000 บาทในการเริ่มต้นเปิดร้านตัดผม เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อาทิ

• ค่าเช่าที่

• ค่าตกแต่ง

• ค่าอุปกรณ์ร้านเสริมสวย

• ค่าน้ำ

• ค่าไฟ

• ค่าพนักงาน

ค่าใช้จ่ายเหล่านี้มีส่วนยิบย่อยต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องมีเงินทุนในการเปิดร้านเสริมสวยอย่างน้อย 100,000 – 200,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะเปิดร้านเล็กหรือใหญ่ด้วย

2. รู้หลักการขออนุญาตเปิดร้านตัดผม

สงสัยอยู่ใช่ไหมว่า ถ้าอยากเปิดร้านตัดผมต้องขออนุญาตหรือจดทะเบียนร้านหรือเปล่า?

คำตอบอยู่นี่แล้ว!

เอกสารในการขออนุญาตเปิดร้านตัดผม

ตามกฎหมายของการสาธารณสุขแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องใช้เอกสารในการขออนุญาตเปิดร้านตัดผม ดังนี้ :- 

• คำขอรับ หรือขอต่ออายุใบอนุญาต

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ

• สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ

• ใบรับรองแพทย์  อายุไม่เกิน  6  เดือน  

สถานที่ขออนุญาตเปิดร้านตัดผม

ก่อนจะเปิดร้านตัดผมเป็นกิจลักษณะแล้ว คุณจำเป็นต้องมีใบอนุญาตให้จัดตั้งร้านหรือใช้เป็นสถานที่รับจ้าง และเป็นผู้รับจ้างจัดแต่งทรงผม ซึ่งสถานที่ที่คุณสามารถขออนุญาตได้ก็คือ

• กรุงเทพฯ – ยื่นขอ ณ สำนักงานเขตที่ตั้งสถานประกอบการร้านตัดผม 

• ต่างจังหวัด – ยื่นขอ ณ สำนักงานเทศบาล หรือ สำนักงานสุขาภิบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งดูแลเขตพื้นที่ที่ตั้งสถานประกอบการร้านตัดผม

หมายเหตุ:  มีค่าธรรมเนียม 500 บาท

การจดทะเบียนพาณิชย์ร้านตัดผม

• ถ้าคุณเปิดร้านตัดผมเป็นธุรกิจบริการอย่างเดียว ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์

• ถ้าเปิดร้านตัดผมและขายสินค้าควบคู่ไปด้วย เช่น แชมพู, ครีมนวด, ทรีทเมนต์, ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ฯลฯ ทางร้านต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์

นอกจากนี้คุณจะต้องศึกษาเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย คือ ภาษีป้าย, กฎหมายและระเบียบเฉพาะธุรกิจ, การปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการ และในเรื่องของการเสียภาษี

3. เลือกทำเลในการเปิดร้านตัดผมให้เป็น

ทำเลในการเปิดร้านตัดผม คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร้านของคุณประสบความสำเร็จ เพราะถ้าทำเลดี โอกาสที่ลูกค้าจะมาใช้บริการก็ย่ิงมีมากขึ้น ดังนั้นเราขอแนะนำให้เลือกทำเลทองเอาไว้ก่อน ซึ่งทำเลที่เหมาะสำหรับการเปิดร้านตัดผมก็คือ

• พื้นที่ตลาดหรือแหล่งชุมชน – หากคิดจะเปิดร้านตัดผมขนาดเล็ก บอกเลยว่าต้องเปิดในตลาดและพื้นที่ชุมชน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา หลายอาชีพ และมีโอกาสที่ลูกค้าจะแวะมาใช้บริการบ่อย ๆ

• บริเวณใกล้เคียงสถานที่บริการ – สังเกตไหมว่าลูกค้าหลัก ๆ ของร้านตัดผมก็คือกลุ่มข้าราชการ ยิ่งเป็นกลุ่มสาว ๆ ยิ่งรักสวยรักงาม แถมยังบอกต่อร้านดี ๆ ให้เพื่อนข้าราชการด้วยกันอีกด้วย ถ้าร้านคุณจับกลุ่มลูกค้านี้ได้ รับรองมีรายได้ไม่ขาดสายแน่นอน

• พื้นที่มหาวิทยาลัย โรงเรียน และสถานศึกษา – ทำเลทองสุดเบสิกในการเปิดร้านตัดผมก็คือบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัย โรงเรียน และสถานศึกษา เพราะมีกลุ่มนักศึกษา กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นวัยดูแลตัวเอง ทั้งยังมีกลุ่มนักเรียนที่ต้องตัดผมตามระเบียบของโรงเรียนอีกด้วย

• ห้างสรรพสินค้า – หากมีทุนเรื่องค่าเช่าและอยากเปิดร้านตัดผมร้านใหญ่พร้อมราคาสูงหน่อย ก็สามารถเปิดในห้างได้เลย เพราะห้างสรรพสินค้ามีคนมาเดินเล่นและช้อปปิ้งอยู่แล้ว ยังไงก็มีโอกาสทำเงินแน่นอน

4. อุปกรณ์ในการเปิดร้านตัดผมต้องพร้อม

ในการเริ่มต้นเปิดร้านตัดผม คุณต้องมีงบและเช็คลิสต์ในการจัดซื้ออุปกรณ์ด้วย แล้วคุณก็ต้องเลือกอุปกรณ์คุณภาพดีถึงจะคุ้มค่าแก่การลงทุน ซึ่งอุปกรณ์ร้านตัดผมที่จำเป็นก็จะมีราคาแตกต่างกันออกไป เช่น

• กระจกบานใหญ่ – กระจกด้านหน้าลูกค้า ราคาเริ่มต้นที่บานละ 1,000 – 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของกรอบกระจก

• กระจกบานเล็ก – กระจกด้านหลัง มีไว้ใช้ส่องด้านหลังให้ลูกค้าดูหลังจากตัดหรือทำผม ราคาเริ่มต้นที่ 250 – 300 บาท

• เก้าอี้ร้านตัดผมสำหรับช่าง(BCL300) – ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 3,000 บาทขึ้นไป

• เก้าอี้ร้านตัดผมสำหรับลูกค้า – ราคาเริ่มต้นที่ 5,500-6,500 บาทขึ้นไป

• เตียงสระผมพร้อมอ่าง – ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท หากเลือกรุ่นดีขึ้นมาหน่อย ราคาก็อาจจะเริ่มที่หลักหมื่น

นอกจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น กรรไกรตัดผม, ไดร์เป่าผม, เครื่องรีดผม, เครื่องม้วนผม, ผ้าขนหนู, กรรไกรตัดเล็บ, หวี, ชั้นวางอุปกรณ์ตัดผม ฯลฯ ทางที่ดีเราแนะนำให้ทำเป็นเช็คลิสต์อุปกรณ์ร้านตัดผมและสำรวจราคาให้ดีก่อนเลือกซื้อ เพื่อจะได้ประหยัดงบในการเปิดร้านตัดผม แล้วก็มีอุปกรณ์พร้อมเปิดร้านจริง ๆ

5. ดูว่ามีสินค้าไหนที่ขายในร้านตัดผมได้บ้าง

สมัยนี้ใคร ๆ ก็ขายสินค้าในร้านตัดผมกันทั้งนั้น เพราะนอกจากจะให้บริการตัดผม เสริมสวย หรือว่าทำเล็บแล้ว ทางร้านจะต้องเพิ่มยอดขายร้านด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย แต่สินค้าที่ขายเพิ่มเติมในร้านตัดผมจะต้องเป็นสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเท่านั้น ดังนี้ :-

• แชมพู 

• ครีมนวด

• มาส์กผม/ทรีทเมนต์

• น้ำมันใส่ผม

• เซรั่มบำรุงผม

  
  

นี่เป็นเพียงตัวอย่างสินค้าที่ช่วยเพิ่มรายได้ร้านตัดผมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามีสินค้าที่ขายเสริมได้อีกเพียบ ! แต่จะขายสินค้าเสริมเหล่านี้อย่างสบายใจไร้ปัญหาได้ยังไง? เราขอแนะนำว่าให้มีหน้าร้านออนไลน์ จะได้ขายสินค้าได้ตลอดเวลา แม้เวลาปิดร้านก็ยังมีโอกาสขายได้ แล้วก็ต้องมี ระบบ POS ไว้คอยติดตามสต๊อกสินค้า เพื่อให้มีข้อมูลสินค้าที่แม่นยำ รู้ว่าสินค้าไหนขายดีหรือไม่ดี และสต๊อกสินค้าได้อย่างถูกต้อง (ที่สำคัญระบบ POS ยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ดีต่อใจคนเปิดร้านตัดผมด้วยนะ)

6. เลือกช่างตัดผมมืออาชีพเท่านั้น

มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการเปิดร้านตัดผม นั่นก็คือ การเลือกช่างตัดผม ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เป็นคนลงมือตัดผมหรือให้บริการลูกค้าเอง ก็ต้องเลือกช่างตัดผมมืออาชีพเข้ามาทำงานที่ร้าน ซึ่งคุณสมบัติของช่างตัดผมที่คุณจะต้องมองหาก็คือ

• มีฝีมือ – ช่างตัดผมที่มีศิลปะและทักษะในการทำงานจะทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาที่ร้านของคุณบ่อย ๆ 

• มีประสบการณ์ – เลือกช่างตัดผมที่ผ่านการฝึกอบรบและมีประสบการณ์ไว้ก่อน

• มีคุณสมบัติสำหรับงานบริการ – ต้องมีความขยัน อดทน มีใจรักบริการ อ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาท ใส่ใจลูกค้า และรู้จักกาลเทศะ

เมื่อคุณได้ช่างตัดผมมืออาชีพที่มีฝีมือดีและมีคุณสมบัติตรงตามข้างต้นแล้ว คุณก็จะรู้ว่าสิ่งนี้คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะช่างเหล่านี้จะมีวิธีพูดคุยกับลูกค้า แล้วร้านคุณก็จะเรียกลูกค้าได้ไม่ยาก

7. การตกแต่งร้านที่เรียกลูกค้า

การแต่งร้านตัดผมที่ดีจะช่วยเรียกลูกค้าได้ ดังนั้นคุณจึงต้องเน้นเรื่องความเป็นระเบียบสวยงามของร้านด้วย ที่สำคัญ ร้านต้องถ่ายรูปสวย เพราะสมัยนี้ลูกค้าชอบถ่ายรูปและเช็คอินกันเสียส่วนใหญ่ ถ้าร้านคุณมีช่างตัดผมฝีมือดี และมีมุมสวย ๆ ถ่ายรูปแล้ว รับรองลูกค้าบอกต่อเพื่อนหรือคนรู้จักให้มาใช้บริการแน่นอน แค่นี้ร้านคุณก็ทำการตลาดได้แบบฟรี ๆ แล้ว!

ทั้งนี้ไอเดียร้านตัดผมที่เราอยากแนะนำก็มีดังนี้ :-

• สไตล์รัสติก (Rustic) – เน้นความงามในเนื้อแท้และปล่อยให้วัสดุเป็นไปตามกาลเวลา เช่น ผนังปูนเปลือยหรือผนังอิฐเปลือยเปล่า เป็นต้น

• สไตล์เออร์เบิน (Urban) – ร้านตัดผมสไตล์คนเมือง เน้นความโมเดิร์นทันสมัย

• สไตล์ Elegant – เน้นความหรูหราและการตกแต่งที่ดูแพง

• สไตล์มินิมอล – ร้านตัดผมสไตล์มินิมอลลิสต์ เน้นความเรียบง่ายและพื้นที่ใช้สอย

• สไตล์อินดัสเทรียล (Industrial) – เน้นการตกแต่งที่ดูดิบ แต่แฝงไปด้วยศิลปะ

นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกต้นไม้ใบหญ้า พร็อพเก๋ ๆ ภาพวาดศิลปะ หรือจะเพ้นท์ภาพบนผนังร้านให้ร้านดูมีลูกเล่นและมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นมาอีกก็ยังได้

8. ร้านต้องสะอาดและปลอดภัยสำหรับลูกค้า

ขึ้นชื่อว่าร้านตัดผมแล้ว ก็อาจจะมีเศษผมตกหล่นอยู่บนพื้นกันบ้าง แต่ก็ต้องทำความสำอาดให้เร็วที่สุด เพื่อให้ร้านดูดีอยู่เสมอและน่าเข้าในสายตาลูกค้า ซึ่งวิธีการรักษาความสะอาดร้านตัดผมก็คือ

• ทำความสะอาดอยู่เสมอ ทั้งบริเวณรับรองลูกค้า บริเวณทำผม สระผม ห้องน้ำ และบริเวณอื่น ๆ ของร้าน มีการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1 เปอร์เซ็นต์

• ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานและลูกค้า ก่อนเข้าร้านทุกครั้ง เพื่อป้องกันโควิด 19 ในเบื้องต้น

• จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ ให้พนักงานและลูกค้าได้ล้างมือบ่อย ๆ 

• พนักงานควรใส่ Faceshield หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

• เว้นระยะห่างภายในร้าน แม้สถานการณ์โควิด 19 ในไทยจะดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ยังควรป้องกันไว้ ดังนั้นร้านเสริมสวยของคุณก็ควรมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าด้วย

  
  

9. การบริการต้องมาเป็นที่หนึ่ง

อย่าลืมว้าร้านตัดผมคือธุรกิจบริการประเภทหนึ่ง ดังนั้นทางร้านจึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย คือต้องบริการลูกค้าด้วยใจจริงและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน และวิธีให้บริการลูกค้าร้านตัดผมที่มัดใจลูกค้าได้เป็นอย่างดีก็ได้แก่

• กล่าวทักทายและขอบคุณ – เชื่อว่าหลาย ๆ ร้านคงมีวิธีปฏิบัติกันแบบนี้อยู่แล้ว เพราะการพูดจาทักทายและขอบคุณลูกค้าคือการสร้างความประทับใจเบื้องต้น ทั้งนี้การเชิญชวนให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้งหลังจากกล่าวขอบคุณ ก็เป็นสิ่งที่ชวนให้ลูกค้านึกถึงร้านเมื่อต้องการตัดแต่งทรงผมหรือทำเล็บอีกครั้ง

• มีอะไรให้ลูกค้าทำ – มีนิตยสารและชาให้ลูกค้าจิบระหว่างรอและขณะรับบริการเพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดอาการเบื่อหรือเซ็ง อย่างน้อยก็มีอะไรให้ลูกค้าอ่านเล่นเพลิน ๆ และจิบแก้คอแห้ง

• ใส่ใจทุกขั้นตอน – สอบถามความพึงพอใจลูกค้าในทุกขั้นตอนการให้บริการ เช่น เปิดรับความคิดเห็นของลูกค้าสระ/ไดร์ผม ถ้ามือหนักไป ให้ลูกค้าบอกช่างได้ทันที

10. มีเทคนิคเสริมเพื่อเรียกลูกค้า

ส่วนใหญ่เมื่อลูกค้าติดใจร้านตัดผมแล้ว ก็จะอยากกลับมาใช้บริการอีก แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะปัจจุบันการแข่งขันในวงการธุรกิจตัดผมก็ถือว่าไม่น้อย ดังนั้นทางร้านจึงควรมีจุดเด่นและจุดขายที่ช่วยเรียกลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง ซึ่งก็คือ

• จัดโปรโมชั่น – มีแพ็คเกจให้ลูกค้าเลือกใช้บริการในราคาพิเศษ เช่น สระ+ซอย, สระ+ตัด+ไดร์ หรือจะมีโปรโมชั่นทำสีและทรีทเมนต์ก็เก๋ไม่น้อย 

• แพ็คเกจสินค้า – จับคู่แชมพูหรือครีมนวด แล้วขายในราคาถูกกว่า แนะนำสินค้าที่ตรงกับปัญหาของลูกค้าจริง ๆ ห้ามฮาร์ดเซลล์จนออกหน้าออกตา ไม่อย่างนั้นลูกค้าอาจจะเข็ดและไม่กลับมาที่ร้านก่อนก็ได้ จำไว้ว่าไม่มีใครชอบโดนบังคับขายของ

• มีระบบสมาชิก – มีระบบสมาชิกเก็บชื่อ เบอร์โทร หรืออีเมล เพื่อส่งต่อข่าวสารของร้าน และมีรางวัลมอบให้กับลูกค้าสมาชิก อาจจะเป็นเครดิตร้านค้า บัตรสะสมแต้ม หรือโปรแกรมเงินคืน ก็ได้ ให้ลูกค้ามีส่วนลดและแรงจูงใจในการกลับมาใช้บริการที่ร้านเสริมสวยของคุณอีก